หน่วยงานที่มีชื่อว่า (OUFOIL) ซึ่งมีชื่อเต็มๆ ว่า UFO INVESTIGATORS
LEAGUE,INC. ซึ่งหน่วยงานนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องการสืบค้นเรื่องราว
และติดตาม พฤติกรรมของผู้ที่ประสบกับจานผี ทางหน่วยงานได้ส่ง จิม มิลเลอร์
ไปสัมภาษณ์ สามสาว
และพบว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะดึงความคิดและเรื่องราวที่ถูกลืมของทั้งสามคน
กลับมานั้น น่าจะมีวิธีเดียว คือการสะกดจิต
“เพราะเรื่องราวและเวลาของเธอทั้งสาม คนที่หายไปนั้น
มันถูกเก็บงำอยูุ่ในก้นบึ้งของห้วงความคิดคำนึง และถูกบันทึกไว้อยู่
ในสมองชั้นในสุด” และทางที่จะดึงเอาข้อมูลที่ถูกลืมไปแล้วนี้กลับมา
อีกครั้งก็ เห็นจะ เป็นการเปิดผนึกความคิดที่อยู่ลึก โดยใช้วิธีเรียกว่า
สะกดจิตเปิดผนึก “ทั้งสามคนยินยอมและพร้อมถูกสะกดจิต
เพราะพวกเธอก็กังวลว่าเวลาที่หายไปและ
เรื่องราวที่เธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกมันเป็นอย่างไรกันแน่”
และผู้ที่จะมาสะกดจิต เธอก็คือ “ดร.ลีโอ สปริงเกิ้ล
ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาจิตวิทยาแห่ง มหาวิทยาลัยไวโอมิ่ง
“จากข่าวกล่าวว่า การที่จะสะกดจิตผู้หญิงทั้งสามคนนั้น
จะมีขึ้นท่ามกลางประชาชนที่เป็นสักขีพยานมากมาย
สถานที่ที่ทำการสะกดจิตมีขึ้น ในโรงแรมบราวน์ (BROWN HOTEL)
ในเมืองลิเบอร์ตี้นั่นเอง” ซึ่งผลของการสะกด จิตในครั้งนั้น
ส่งผลให้ผู้ที่เข้าฟังการสะกดจิตตกตะลึงไปตามๆกัน “เพราะปรากฏว่า เวลา 1
ชั่วโมง 15 นาทีที่หายไปนั้น ทั้งสามคนใช้ไปในยานอาวกาศลำที่ส่งแสง
วูบวาบสีแดงสีเหลือง
และเป็นลำเดียวกับที่ส่งพลังแม่เหล็กดูดรถของเธอจนหายไป
เข้าที่มืดๆที่ดูราวกับถ้ำ ซึ่งถ้ำที่ว่านั้นก็คือ ในจานผีนั่นเอง”
พวกเธอถูกลักพาตัวไป ขึ้นจานผี
ถูกจับไปทดสอบร่างกายและวิเคราะห์อย่างละเอียด
เวลาชั่วโมงเศษถูกใช้ไปในการนี้” ผลการสะกดจิต พวกเธอทั้งสามคนให้การตรงกัน
สุดท้ายพวกเธอก็ถูกทำให้ลืม โดยการฉายแสงบางอย่าง และพวกเธอก็จำอะไรไม่
ได้ จนถูกนำมาปล่อยไว้ห่างจากจุดเดิมไป 8-9 ไมล์
เรื่องของพวกเธอโด่งดังมาก และถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวของสิ่งบิน
ลึกลับ เรื่องราวของจานบิน จานผี ที่ยังเป็นเรื่องฉงนมาจนทุกวันนี้
นั่นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องเกิดขึ้นที่ ริมแม่น้ำพาสคากูล่า
ในเมืองแจ๊คสันซิตี้ เรื่องนี้เกิดประมาณ หกโมงเย็น วันที่ 11 ตุลาคม
ค.ศ.1987 ผู้ที่พบเห็น คือ จิม ดิเกอร์ (JIM DIGGER) และ มาร์ค คาร์ทู
(MARK KADUO) ทั้งสองคนออกไปตกปลา ณ แม่น้ำพาสคากูล่า (PASKAKURA RIVER)
ขณะที่ทั้งคนกำลังนั่งตกปลาอยู่ พวกเขาให้การว่า “ท้องฟ้าดูแปลกประหลาดมาก”
ทางผู้สัมภาษณ์ถามว่าแปลกประหลาดอย่างไร จิมบอกว่า
มันดูแปลกเพราะสีของท้องฟ้าที่แต่เดิมสีออกเทากลับกลายเป็นสีแดง
ฉานอย่างกับเลือด หลังจากนั้น
ก็มีลมแรงๆพัดมาไม่รู้ทิศทางและก็มีเสียงระเบิดดัง ขึ้นสะนั่นหวั่นไหว
เสียงระเบิดที่ว่าผู้คนในเมืองได้ยินกันหลายคน “แต่ทว่าเวลานั้น
เป็นเวลาเย็นและเป็นเวลาเลิกงาน
ผู้คนกำลังกลับบ้านจึงไม่มีใครใส่ใจในเสียงที่ได้ ยินมากนัก
ทั้งไม่มีใครคิดที่จะแหงนหน้าดูบนท้องฟ้าในเวลานั้นด้วย” จึงมีเพียงจิม
และมาร์คทั้งสองคนตกปลาอยู่ริมแม่น้ำรู้สึกถึงความผิดปกติกับท้องฟ้าดังที่
กล่าว ไปแล้ว
“มาร์คเล่าว่าเสียงระเบิดที่เขาและจิมได้ยินทำให้ทั้งสองคนละจากการ ตกปลา
เล่นหวนหุ้น แหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า เพราะพวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นเสียงฟ้าร้อง”
“ใน
ท้องฟ้าที่มีสีแดงนั้นพวกเขาทั้งสองคนกลับเห็นวัตถุแปลกๆ บางอย่าง เล่นหวยออนไลน์ ระเบิด
ออกจากกันมีชิ้นส่วนที่ปลิวเป็นสะเก็ดเห็นเป็นควันพาดเป็นทางยาวไปกลางท้อง
ฟ้า”
เส้นทางของควันสีขาวที่ลากเป็นทางยาวตัดกับท้องฟ้าสีแดงอย่างเห็นได้ชัด
จิมบอกว่า “มองเห็นเป็นทางยาวราวกับ มาที่นี้ อุกาบาตกำลังลุกไหมอย่างนั้นเลย”
แต่มันมีเพียงควันสีขาวลากเป็นทางยาวไปเท่านั้น
ระยะทางและความสูงที่เห็นอยู่ ตอนนี้ ราว 2000 ฟุต หรือมากกว่านั้น
ท้องฟ้าสีแดงเริ่มจางหายไป แทงหวยหุ้นออนไลน์ ทันทีที่เห็นรอย
ทางสีขาวเป็นเส้นยาวพาดผ่านท้องฟ้า นักข่าวต่างสัมภาษณ์ถามพวกเขาว่า
“ที่เห็นมันไม่ใช่เครื่องบินโดยสารเวลาเร่งความเร็วหรือ ?
ทั้งสองยืนยันว่าไม่ใช่ อย่างแน่นอน
เพราะเวลาที่เครื่องบินเร่งเครื่องน่าจะมีทิศทางเป็นเส้นตรง
ไม่น่าจะปักหัวลง และมีเพดานบินที่ต่ำลงเรื่อยอย่างนี้
สุดท้ายมันก็ปักหัวลง และดิ่งลงพื้น น่าจะตกลงในป่าที่อยู่ห่างไปราว 50
ไมล์ “พวกเขาอยากรู้ว่าสิ่งที่ตกลงมาคืออะไร
จึงเตรียมขับรถออกไปในทิศทางที่เห็นวัตถุ นั้นตกลงมา”
การตามรอยวัตถุที่ว่านั้นไม่ยาก เพราะหลังจากการตกแล้ว
ร่องรอยของควันที่ลากเป็นทางยาวยังปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า
พวกเขาได้ตามรอยไปจน สุดท้ายก็ได้เห็นสถานที่ชัดเจน แต่ไม่สามารถนำรถเข้า
ไปดูใกล้ๆ ได้ บริเวณนั้นเป็นป่าและเป็นเวลามืดค่ำแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงหมายตาที่ มั่นไว้
โดยตั้งใจว่าจะมาดูอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น