วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556


     หน่วยงานที่มีชื่อว่า (OUFOIL) ซึ่งมีชื่อเต็มๆ ว่า UFO INVESTIGATORS LEAGUE,INC. ซึ่งหน่วยงานนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องการสืบค้นเรื่องราว และติดตาม พฤติกรรมของผู้ที่ประสบกับจานผี ทางหน่วยงานได้ส่ง จิม มิลเลอร์ ไปสัมภาษณ์ สามสาว และพบว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะดึงความคิดและเรื่องราวที่ถูกลืมของทั้งสามคน กลับมานั้น น่าจะมีวิธีเดียว คือการสะกดจิต “เพราะเรื่องราวและเวลาของเธอทั้งสาม คนที่หายไปนั้น มันถูกเก็บงำอยูุ่ในก้นบึ้งของห้วงความคิดคำนึง และถูกบันทึกไว้อยู่ ในสมองชั้นในสุด” และทางที่จะดึงเอาข้อมูลที่ถูกลืมไปแล้วนี้กลับมา อีกครั้งก็ เห็นจะ เป็นการเปิดผนึกความคิดที่อยู่ลึก โดยใช้วิธีเรียกว่า สะกดจิตเปิดผนึก “ทั้งสามคนยินยอมและพร้อมถูกสะกดจิต เพราะพวกเธอก็กังวลว่าเวลาที่หายไปและ เรื่องราวที่เธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกมันเป็นอย่างไรกันแน่” และผู้ที่จะมาสะกดจิต เธอก็คือ “ดร.ลีโอ สปริงเกิ้ล ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาจิตวิทยาแห่ง มหาวิทยาลัยไวโอมิ่ง “จากข่าวกล่าวว่า การที่จะสะกดจิตผู้หญิงทั้งสามคนนั้น จะมีขึ้นท่ามกลางประชาชนที่เป็นสักขีพยานมากมาย สถานที่ที่ทำการสะกดจิตมีขึ้น ในโรงแรมบราวน์ (BROWN HOTEL) ในเมืองลิเบอร์ตี้นั่นเอง” ซึ่งผลของการสะกด จิตในครั้งนั้น ส่งผลให้ผู้ที่เข้าฟังการสะกดจิตตกตะลึงไปตามๆกัน “เพราะปรากฏว่า เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาทีที่หายไปนั้น ทั้งสามคนใช้ไปในยานอาวกาศลำที่ส่งแสง วูบวาบสีแดงสีเหลือง และเป็นลำเดียวกับที่ส่งพลังแม่เหล็กดูดรถของเธอจนหายไป เข้าที่มืดๆที่ดูราวกับถ้ำ ซึ่งถ้ำที่ว่านั้นก็คือ ในจานผีนั่นเอง” พวกเธอถูกลักพาตัวไป ขึ้นจานผี ถูกจับไปทดสอบร่างกายและวิเคราะห์อย่างละเอียด เวลาชั่วโมงเศษถูกใช้ไปในการนี้” ผลการสะกดจิต พวกเธอทั้งสามคนให้การตรงกัน สุดท้ายพวกเธอก็ถูกทำให้ลืม โดยการฉายแสงบางอย่าง และพวกเธอก็จำอะไรไม่ ได้ จนถูกนำมาปล่อยไว้ห่างจากจุดเดิมไป 8-9 ไมล์
    เรื่องของพวกเธอโด่งดังมาก และถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวของสิ่งบิน ลึกลับ เรื่องราวของจานบิน จานผี ที่ยังเป็นเรื่องฉงนมาจนทุกวันนี้ นั่นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องเกิดขึ้นที่ ริมแม่น้ำพาสคากูล่า ในเมืองแจ๊คสันซิตี้ เรื่องนี้เกิดประมาณ หกโมงเย็น วันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ.1987 ผู้ที่พบเห็น คือ จิม ดิเกอร์ (JIM DIGGER) และ มาร์ค คาร์ทู (MARK KADUO) ทั้งสองคนออกไปตกปลา ณ แม่น้ำพาสคากูล่า (PASKAKURA RIVER) ขณะที่ทั้งคนกำลังนั่งตกปลาอยู่ พวกเขาให้การว่า “ท้องฟ้าดูแปลกประหลาดมาก” ทางผู้สัมภาษณ์ถามว่าแปลกประหลาดอย่างไร จิมบอกว่า มันดูแปลกเพราะสีของท้องฟ้าที่แต่เดิมสีออกเทากลับกลายเป็นสีแดง ฉานอย่างกับเลือด หลังจากนั้น ก็มีลมแรงๆพัดมาไม่รู้ทิศทางและก็มีเสียงระเบิดดัง ขึ้นสะนั่นหวั่นไหว เสียงระเบิดที่ว่าผู้คนในเมืองได้ยินกันหลายคน “แต่ทว่าเวลานั้น เป็นเวลาเย็นและเป็นเวลาเลิกงาน ผู้คนกำลังกลับบ้านจึงไม่มีใครใส่ใจในเสียงที่ได้ ยินมากนัก ทั้งไม่มีใครคิดที่จะแหงนหน้าดูบนท้องฟ้าในเวลานั้นด้วย” จึงมีเพียงจิม และมาร์คทั้งสองคนตกปลาอยู่ริมแม่น้ำรู้สึกถึงความผิดปกติกับท้องฟ้าดังที่ กล่าว ไปแล้ว “มาร์คเล่าว่าเสียงระเบิดที่เขาและจิมได้ยินทำให้ทั้งสองคนละจากการ ตกปลา เล่นหวนหุ้น แหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า เพราะพวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นเสียงฟ้าร้อง”
“ใน ท้องฟ้าที่มีสีแดงนั้นพวกเขาทั้งสองคนกลับเห็นวัตถุแปลกๆ บางอย่าง เล่นหวยออนไลน์ ระเบิด ออกจากกันมีชิ้นส่วนที่ปลิวเป็นสะเก็ดเห็นเป็นควันพาดเป็นทางยาวไปกลางท้อง ฟ้า”
เส้นทางของควันสีขาวที่ลากเป็นทางยาวตัดกับท้องฟ้าสีแดงอย่างเห็นได้ชัด จิมบอกว่า “มองเห็นเป็นทางยาวราวกับ มาที่นี้ อุกาบาตกำลังลุกไหมอย่างนั้นเลย” แต่มันมีเพียงควันสีขาวลากเป็นทางยาวไปเท่านั้น ระยะทางและความสูงที่เห็นอยู่ ตอนนี้ ราว 2000 ฟุต หรือมากกว่านั้น ท้องฟ้าสีแดงเริ่มจางหายไป แทงหวยหุ้นออนไลน์ ทันทีที่เห็นรอย ทางสีขาวเป็นเส้นยาวพาดผ่านท้องฟ้า นักข่าวต่างสัมภาษณ์ถามพวกเขาว่า “ที่เห็นมันไม่ใช่เครื่องบินโดยสารเวลาเร่งความเร็วหรือ ? ทั้งสองยืนยันว่าไม่ใช่ อย่างแน่นอน เพราะเวลาที่เครื่องบินเร่งเครื่องน่าจะมีทิศทางเป็นเส้นตรง ไม่น่าจะปักหัวลง และมีเพดานบินที่ต่ำลงเรื่อยอย่างนี้ สุดท้ายมันก็ปักหัวลง และดิ่งลงพื้น น่าจะตกลงในป่าที่อยู่ห่างไปราว 50 ไมล์ “พวกเขาอยากรู้ว่าสิ่งที่ตกลงมาคืออะไร จึงเตรียมขับรถออกไปในทิศทางที่เห็นวัตถุ นั้นตกลงมา” การตามรอยวัตถุที่ว่านั้นไม่ยาก เพราะหลังจากการตกแล้ว ร่องรอยของควันที่ลากเป็นทางยาวยังปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า พวกเขาได้ตามรอยไปจน สุดท้ายก็ได้เห็นสถานที่ชัดเจน แต่ไม่สามารถนำรถเข้า ไปดูใกล้ๆ ได้ บริเวณนั้นเป็นป่าและเป็นเวลามืดค่ำแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหมายตาที่ มั่นไว้ โดยตั้งใจว่าจะมาดูอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น