วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556


พาท่านไปทัวร์
เมืองซาร์โน่ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาปัดโซ คัลวาโนซึ่งสูชัน ดังนั้น ทุกครั้งที่ฝนตกหนักสายน้ำจะซัดดินโคลนไหลบ่า บางครั้งก็ถึงกับถล่มลงมาตามลาดถนนจนท่วมบ้านร้านรวงรอบๆ ถนนมาร์เกอริตา
ต่อไปนี้เป็นหายนะภัยที่เกิดขึ้นกับเมืองนี้เมื่อเย็นวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2541 ถนนดังกล่าวจมอยู่ใต้โคลนตมหนาหลายฟุตรถหลายคันติดอยู่กลางโคลนตมหนาหลายฟุต รถหลายคันติดอยู่กลางโคลนตมอัลฟอนโซ
บูนายูโต นายตรวจสรรพากรกับเนลโลลูกชายวัย 16 ของเขา เล่นหวยออนไลน์ กำลังช่วยกันดึงคนที่ติดอยู่ในรถออกมา
อัลฟองโซเสียหลักตกจากรถลงไปใรโคลนสูงระดับอก ชายวัย41รู้สึกว่ามีของขนาดค่อนข้างใหญ่และหยุ่นนุ่ม พุ่งมาชนขาเขา จึงเอื้อมมือไปคลำและออกแรงฉุดเต็มที่เมื่อรู้ว่าเป็นแขนคน
สิ่งที่ตามแขนขึ้นมาก็คือตำรวจหนุ่ม โผล่พรวดขึ้นเหนือโคลนพร้อมกับสะบัดหน้าจาม เศษดินออกมาพรวดใหญ่ เขาต้องตายแน่ถ้าไม่ได้รับการดึงขึ้นมาทันท่วงที
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงระเบิดกึกก้องดังรัวติดๆตามด้วยเสียงคล้ายรถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วไปตามรางบนสะพานเหล็ก พร้อมกันนั้นคลื่นโคลนขนาดยักษ์ สูงไม่ต่ำกว่า 4 เมตร ก็ดาหน้าถาโถมเข้ามาตามถนน เหมือนสึนามิโคลน ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วร้ายยิ่งกว่าน้ำเสียอีก
อพาร์ตเม้นต์หลังใหญ่โดนคลื่นโคลนกระแทกตูมเดียว พังกระจาย จากนั้นคลื่นโคลนสูงไม่ตำกว่า3 เมตรอีกลูกหนึ่งพุ่งเสียงกระหื่มมาตามถนนมาร์การิต้า สองพ่อลูกเห็นเหลือกำลังต้าน จึงออกวิ่งหนีสุดกำลัง
ในเวลาเดียวกันโรแบร์โตได้ยินเสียงตะโกน และเสียงรถแล่นขวักไขว่แถวหน้าร้าน เห็นท่าไม่ดีจึงรีบปิดหน้าร้าน วิ่งขึ้นหายลงไปใต้สายโคลน และทันเห็นมือเด็กชูโบกอยู่ไหวๆในรถ
เขาวิ่งไปบนแปลงผัก ผ่านสวนผลไม้ อาศัยสัญชาตญาณเป็นเข็มทิศ จนถึงสวนหลังบ้าน เห็นพ่อกับป้ายืนเกาะกันอยู่อย่างตื่นตระหนก ตัวสวนส่วนใหญ่จมมิดหายไปแล้วและโคลนระลอกใหญ่กำลังไต่ระดับสูงใกล้จะถึงยอดกำแพงข้างบ้านอยู่รอมร่อ “เราต้องออกไปจากที่นี่” โรแบร์โต้ตะโกนบอกพ่อกับป้าและพยายามดันทั้งสองคนให้ขึ้นไปอยู่บนกำแพง ในจังหวะเดียวกันนั้น คลื่นโคลนลูกใหญ่ สูงราวๆ ตึกสามชั้นก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างจัง คลื่นสีดำมืดมิดกลืนตัวเขาจมหายก่อนที่จะดันเขาให้ทะลึ่งโผล่อีกครั้ง แล้วพัดร่างเขากระแทกทะลุแผ่นกระจก กลิ้งไปหยุดอยู่ตรงมุมถนน
รู้สึกเหมือนเขาจะหมดสติไปชั่วครู่ พอรู้ตัวพยายามขยับร่างก็ขยับไม่ไหว จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ผมเอง...โรแบร์โต้” แทงหวยหุ้นออนไลน์ ตะโกนออกมาได้แค่นี้ก็มีเสียงกึกก้อง แล้วร่างเขาก็ยุบผลุบลงไปอีก โคลนหนักตันถล่มทับร่างเขา พร้อมกันนั้นก็มีของหนักๆ เหวี่ยงมากระแทกศีรษะจนปวดร้าวไปหมด เล่นหวนหุ้น เมื่อลืมตาอีกครั้ง ทุกอย่างรอบๆตัวมืดมิด แม้จะอยู่ในท่ายืน แต่ปลายเท้ากลับไม่มีอะไรรองรับเลย
เขากำลังลอยคออยุ่กลางกระแสโคลน นิ้วเปะปะไปเจอวัสดุแผ่นแข็งๆเหนือศีรษะ จึงรู้ว่ากำลังติดอยู่ในห้องซึ่งโคลยท่วมจนวจะถึงเพดานอยู่แล้ว
โรแบรืดต้รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรมาจิกเขาเบาๆที่ไหล่ ปรากฏว่าเป็นแม่ไก่ซึ่งหลงมาติดอยู่ในห้องเดียวกับเขา ต่อจากนั้นเขาก็หมดสติไป
อัลฟอนโซกับเนลโลลูกชาย เจอเชือกกับบันได จึงพากันปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านหนึ่งในบริเวณถนนมาร์เกอริตา ซึ่งเต็มไปด้วยซอยแคบๆ บันใดที่อยู่พอจะพาดเชื่อมหลังคาอาคารต่างๆได้สองพ่อลูกจึงเอาบันใดพาดและข้ามซอยต่างๆมุ่งหน้ากลับบ้าน
ตึกอพาร์ตเมนต์ของอัลฟอนโซอยู่เหนือโรงรถห่างออกไปราว 15 เมตร โดยอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามและบันใดที่มีอยู่พาดไม่ถึง  เขาจึงได้แต่ตะโกนเรียกชื่อภรรยาด้วยความเป็นห่วง “นันเซีย...นันเซีย” ในที่สุด ณ จุดๆหนึ่ง เขาก็ใช้โทรศัพท์ติดต่อภรรยาได้ เมื่อรู้ว่าเธอปลอดภัยดี พักอยู่ที่บ้านน้องสาว เขาก็หมดห่วง
ขณะที่เขาเรียกหาภรรยาอยู่นั้นเขาได้ยินเสียงแว่วๆแถวๆโรงรถ จำได้ว่าเป็นเสียงของโรแบร์โต้ที่มารับจ้างทำงานจิปาถะในร้านของเขา ดังนั้น เมื่อหาภรรยาพบแล้ว เขาจึงวนไปหาเด็กหนุ่ม และตะโกนปลอบใจ
“ทำใจดีๆไว้ ฉันจะโยนเชือกไปให้” ทว่าทันใดนั้น โคลนอีกลูกหนึ่งก็ถล่มลงมาดังสนั่น สองพ่อลูกยืนอ้าปากค้างด้วยความสยดสยอง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตามมากับโคลนเป้นหินก่อนมหึมาขนาดตู้เย็น พุ่งทะลุหน้าต่างเข้าไปกระแทกผนังบ้านหลังถัดไปแผ่นดินไหวเฮือกอีกครั้ง ทำให้อาคารหลังข้างๆถล่มลงไปกองกับพื้น
“โรแบร์โต้ อยู่หรือเปล่า” มาที่นี้ เขาร้องถามอย่างพรั่นพรึง เมื่อเงื่อหูฟังครู่หนึ่งไม่มีเสียงตอบ อัลฟองโซก็ได้แต่ปลง
2-3 ชัวโมงต่อมาเมื่อฟ้าใกล้สางอัลฟองโซเดินไปพบรถจี๊ปหน่วยดับเพลิงจึงแจ้งแก่หัวหน้าหน่วยว่าได้ยินเสียงเรียกแว่วๆของโรแบร์โต้ อยากจะให้ส่งคนไปช่วยดูหน่อย  แต่ถูกตัดบทว่าไม่มีอะไรเหลือแล้วตอนนี้ต้องช่วยคนที่รอดก่อน ส่วนศพเอาไว้ตามเก็บทีหลัง
เช้าวันพุธ ทหาร พนักงานดับเพลิงตำรวจ และอาสาสมัคร เคลื่อนตัวเข้าประจำตามจุดต่างๆในเมืองชาร์โน บ้านเรือนพังพินาศกว่าร้อยหลัง ชาวบ้านกว่าพันคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย
คลื่นโคลนระลอกแรกๆ กัดเซาะดินเชิงผาภูเขาปิซโซตัลวาโนเป็นทางยาวหนึ่งกิโลเมตร ยังส่งผลให้เกิดกระแสโคลนถล่มน้ำหนักนับแสนตันจามมา
บ้านใหญ่หลังหนึ่งโค่นและลื่นไหลลงเนินไปกับกระแสโคลนเชี่ยวกรากห่างจากที่ตั้งเดิมราว 50 เมตร ดดยไม่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผุ้อาศัยอยู่ในบ้านต่างขวัญหนีดีฝ่อ แต่โชคดียังรอดชีวิตได้ทุกคน
สามี ภรรยาคู่หนึ่งติดอยู่ในรถขณะที่โคลนค่อยๆเอ่อท่วมหลังคารถ ทั้งสองมองเห็นความตายอยู่ตรงหน้า บีบแตรขอความช่วยเหลือลั่นถนน แต่ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงไม่อาจจะช่วยอะไรได้ จนกระทั่งเสียงแตรเงียบหายไป
ผุ้ติดอยู่บนหลังคาบ้าน และอาคารรวมทั้งต้นไม้ ล้วนได้รับการช่วยชีวิตทุกคนส่วนพวกที่ถูกฝังอยู่ใต้โคลน มีเพียงคนเดียวที่ช่วยมาได้ และหายใจอยู่ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็เสียชีวิต
อัลฟองโซติดตามฟังข่าวทีวี และครุ่นคิดตลอดเวลาว่าโรแบร์โต้อาจยังมีชีวิตอยู่ เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงร้องให้ช่วยแผ่วๆพอดีดินถล่มลงมาอีกและเขาต้องรีบหนี แต่เมื่อเกิดความรู้สึกคาใจเช่นนี้ เขาจึงย้อนกลับไปดูอีกครั้ง
บริเวณนั้นเต็มไปด้วยโคลน หากมีใครอยู่บริเวณนี้ก็น่าจะเสียชีวิตไปหมดแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ เขาตะโกนถามไป 2-3 ครั้งว่ามีใครอยู่ในบริเวณนี้หรือเปล่า เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เขาจึงเดินกลับไปยังบ้านน้องสาวของเขา
ทว่าเขานอนไม่หลับ เช้าตรู่วันพฤหัสบดี อัลฟองโซออกจากบ้านและพบทหาร 2-3คนที่ถนน จึงเอ่ยปากขอให้ช่วยพาเขาไปยังอพาร์ตเม้นต์ แต่ทหารปฏิเสธ เพราะโคลนฟังกลบทุกอย่างหมดแล้ว เขาจึงกลับไปศูนย์กู้ภัยฉุกเฉินและเล่าเรื่องของโรแบร์โต้หนุ่มคนงานของเขาให้เจ้าหน้าที่ฟังอีกครั้งหนึ่ง และได้รับคำบอกว่าจะตามเรื่องให้
ตอนบ่ายรถปรับดินเปิดถนน จนอัลฟองโซพอจะเข้าถึงตัวอพาร์ตเม้นได้ขณะเดินสำรวจดูความเสียหาย เขาคิดว่าได้ยินเสียงแว่วมาจากโรงรถข้างล่างที่ถูกดินกลบเขารีบตัดสายยางฉีดน้ำต้นไม้เพื่อใช้เป็นหูฟังแล้วจ่อไล่ไปตามพื้นห้อง แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร เมื่อมองรอบๆ เห็นนกพิราบอยู่แถวนั้นสองตัว จึงเข้าใจว่าเสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นเสียงนกพิราบนี้เอง
เมื่อเห็นทหารหน่วยหนึ่งเดินอยู่แถวนั้นหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของโรแบร์โต จึงเล่าเรื่องให้ฟังว่าสงสัยโรแบร์โต้จะถูกโคลนกลบอยู่แถวๆนี้ แต่ว่าร้อยโทลูกพี่ลุกน้องโรแบร์โต้ส่ายหน้าบอกว่าคงไม่น่าเป็นไปได้ ดินถล่มตั้งแต่วันอังคาร วันนี้วันพฤหัสบดีแล้ว ถ้าเขาถูกกลบจริงๆ ก็คงไม่รอด เสียเวลาเปล่า
อย่างไรก็ตาม อัลฟองโซไม่อาจสลัดความคิดถึงโรแบร์โต้ออกไปได้ เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เขาอาจหูฟาดไปหรือเป็นเสียงนกร้องก็ได้อย่างไรก็ตามเขาคงนอนตาไม่หลับถ้าไม่ไปค้นให้แน่ใจ รุ่งเช้าจึงไปหาร้อยโท ลุกพี่ลูกน้องของโรแบร์โต้ คราวนี้ร้อยโทซัลวาโตสั่งลูกน้องให้ช่วยค้นหาโดยการใช้เครื่องมือ ตรวจจับแรงสั่นสะเทือน ซึ่งตรวจได้ในวงกว้าง 25 เมตร และลึกลงไป 9 เมตร
ครู่หนึ่งจ่าฟิลิปโปก็ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก และบอกกับผู้ร่วมค้นหาว่าได้ยินเสียงคล้ายเสียงหายใจ แต่เบามาก และลองใช้ค้อนเคาะ พร้อมกับเงี่ยหูฟังอย่างใกล้ชิด “มีคนอยู่นี้” เขาตะโกนอย่างตื่นเต้น ทหารช่วยกันพังผนังโรงรถและพบโรแบร์โตลอยอยู่ในโคลนนานเกือบ 72 ชั่วโมง มีช่องหายใจได้แค่ฝ่ามือเดียวใต้เพดาน ปอดของเขาอักเสบ ศีรษะแตก มีแผลเจาะลึก ความดันเลือดต่ำเหลือเพียง 30 เท่านั้น เขารอดชีวิตเหมือนปาฏิหาริย์พร้อมกับแม่ไก่ตัวนั้น